ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี สนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้ดำเนินธุรกิจตามกรอบ B+ESG แนะผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก หันมาทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลให้มากขึ้น เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำธุรกรรมระหว่างประเทศแบบเดิม และเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าธุรกิจสามารถบริหารทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจ มุ่งสู่การเป็นธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาวบุษรัตน์ เบญจรงคกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโลกในปัจจุบัน ส่งผลให้ธุรกิจทุกภาคส่วนต้องร่วมรับผิดชอบ โดยมีผลการสำรวจว่าผู้บริโภคกว่า 64% ยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกว่า 60 ประเทศทั่วโลกได้เริ่มออกกฎหมายเกี่ยวกับ Climate Change ดังนั้นหากผู้ประกอบการไม่เปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจ จะเกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้น ซึ่งจะกลับมากระทบกับธุรกิจในอนาคตได้ โดยเฉพาะการทำธุรกิจระหว่างประเทศที่กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมกำลังเพิ่มความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของทีทีบี ในการเป็น “การธนาคารเพื่อความยั่งยืน” (Sustainable Banking) ตามกรอบ B+ESG ที่ผสานการเติบโตของธุรกิจและความยั่งยืนเป็นเนื้อเดียวกัน โดยสนับสนุนให้ทั้งลูกค้าธนาคาร คู่ค้า พันธมิตร เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ธนาคารเล็งเห็นถึงปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำการค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเกิดจากการพิมพ์เอกสาร การจัดส่งเอกสารให้ธนาคารและคู่ค้าที่ต่างประเทศ จึงแนะนำให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก หันมาทำธุรกรรมที่ผ่านดิจิทัลมากขึ้น เพื่อเป็นการลดใช้กระดาษ ลดการใช้น้ำมัน อีกทั้งมีความรวดเร็วและปลอดภัย ที่จะช่วยเสริมสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจ และบริหารทรัพยากรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งสู่การเป็นธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเสริมภาพลักษณ์และตอบสนองนโยบายระหว่างประเทศที่คำนึงถึงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ
โดยธนาคารมุ่งมั่นพัฒนาดิจิทัลโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ด้วยโมเดลการทำงานแบบ Digital First เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจให้กับลูกค้าและลดการใช้กระดาษ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางในการส่งเอกสารในการทำรายการกับธนาคาร ให้เปลี่ยนมาทำธุรกรรมผ่านดิจิทัลแบงก์กิ้งที่ตอบโจทย์การทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินระหว่างประเทศ การเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต (Letter of Credit) การเบิกใช้สินเชื่อเพื่อการนำเข้าและส่งออก รวมถึงการบริหารจัดการบัญชี ttb multi-currency account (MCA) บัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศที่สามารถบริหารจัดการหลายสกุลเงินในบัญชีเดียว ตอบโจทย์ในการจัดการความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น ธนาคารยังเลือกใช้บริการจัดส่งเอกสารกับผู้ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศอย่าง DHL Express ในโครงการ GoGreen Plus ซึ่งปรับมาใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel – SAF) เพื่อร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการขนส่งเอกสารระหว่างประเทศ โดยคาดหวังว่าในปี 2567 นี้ ธนาคารจะสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากยิ่งขึ้น จากการกระตุ้นให้ลูกค้าธุรกิจสมัครใช้ ttb business one รวมถึงการเลือกใช้บริการจัดส่งเอกสารที่ใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน
ทีทีบี พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นพันธมิตรสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถขับเคลื่อนธุรกิจในทุกสถานการณ์ พร้อมก้าวผ่านความท้าทายต่าง ๆ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนต่อไป
สำหรับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจนำเข้า-ส่งออก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจของท่าน (หากท่านเป็นลูกค้าธุรกิจของทีทีบี) หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต โทร. 0 2643 7000 วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 08:00 – 20:00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดธนาคาร