“ขีดเส้นอายุ 88 ปี วันที่ 8 เดือน 8 ก้าวสู่การเกษียณด้วยความภาคภูมิ”
6 วันที่แล้ว ฉันอายุครบ 84 ปี ฉันพยายามทำสิ่งต่าง ๆ ให้เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องอาหาร หรือการแต่งตัว รูปแบบการใช้ชีวิตประจําวันไม่เปลี่ยนมานานหลายสิบปี
ตื่นดอนตี 4 ดูข่าวจากทีวี ระยะหลังนี้ดูผ่าน LINE บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อติดตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จากนั้นจะเดินเล่นรอบบ้านให้ได้ประมาณ 5,000 ก้าวต่อวัน
อาหารจะกินเพียงมื้อเช้าเท่านั้น ไม่ใช่เพราะหมอสั่ง แต่ฉันเริ่มทำเองเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เพราะความ ดันเลือดสูงและมีอาการเบาหวาน ถ้าฉันกินอาหารสามมื้อต่อวัน ตัวเลขความดันและน้ำตาลจะเพิ่มขึ้นมาก เมื่อลดมื้ออาหาร ปริมาณยาก็ลดลง ในช่วงแรกรู้สึกหิวจนทนไม่ได้ แต่ไม่นานก็ชินไปเอง ตอนนี้ฉันกินเพื่อ รักษาน้ำหนักไว้
เมื่อมีประชุมหรือแขกมาเยี่ยม ฉันจะเดินข้ามไปที่สำนักงานใหญ่ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) ที่อยู่ใกล้บ้านมาก ๆ พนักงานคนอื่นจะใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงในการเดินทางมาบริษัท ส่วน ฉันสามารถเดินไปทำงานได้ จึงมักบอกตัวเองว่าต้องทำงานให้มากกว่าคนอื่น ฉันจะโผล่หน้าไปสำนักงาน ใหญ่ของสหพัฒนพิบูลสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง ซึ่งใช้เวลาเดินทางโดยรถประมาณ 30 นาที สวนอุตสาหกรรมที่ศรีราชาก็เช่นเดียวกัน
ในวันหยุด ฉันจะเล่นกอล์ฟกับเพื่อน ๆ ที่สนิท เดินไปรอบ ๆ สนาม 9 หลุม ช่วงบ่ายทานอาหารกับ ครอบครัว ฉันแต่งงานกับภรรยา พัชรินทร์ ในวันที่ 11 เดือน 11 พ.ศ. 2511 มีลูกชายสองคน ลูกสาวสองคน การได้เห็นการเติบโตของหลาน ๆ จํานวน 1 โหล (12 คน) นั้น เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าสิ่งอื่น
ฉันไม่เคยสั่งให้ลูกทำอย่างนี้อย่างนั้น เรื่องการเรียนต่อหรือจะไปต่างประเทศ ล้วนให้เจ้าตัวตัดสินใจ เอง แต่สิ่งเดียวที่ฉันระวัง คือ การให้ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาให้มากที่สุด ฉันใช้ฟอร์แมตที่ฉันสร้างขึ้นบน คอมพิวเตอร์ และให้พวกเขาบันทึกค่าใช้จ่ายรายเดือน จนกระทั่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย แม้ฉันจะ มีเงินทอง แต่ฉันไม่ปล่อยให้ลูกของฉันฟุ่มเฟือย ฉันคิดว่าควรทําให้ลูกรู้จักคุณค่าของเงินไว้ก่อน
เลข 4 หลักสุดท้ายของเบอร์โทรศัพท์มือถือของฉัน คือ “8888” ตอนแรก ฉันเลือกเลขนี้มาใช้ เพราะคิดว่ามันจำง่าย ฉันได้เขียนในฉบับที่แล้วว่าฉันเริ่มเตรียมตัวเกษียณเมื่ออายุ 80 ปี ในตอนนั้นฉันเห็น เบอร์โทรศัพท์มือถือของฉันแล้วตัดสินใจได้อีกเรื่อง คือ ในปีที่ฉันอายุครบ 88 ปี วันที่ 8 เดือน 8 จะเป็น กรอบเวลาของช่วงชีวิตฉัน
ในปฏิทินที่บริษัทและที่บ้าน ฉันเขียนตัวเลขไว้ข้าง ๆ ตัวหนังสือที่ระบุเดือน ตัวเลขจะลดลงทุกเดือน เดือนที่แล้ว คือ “50” และเดือนนี้ คือ “49” การนับถอยหลังเริ่มต้นขึ้นด้วยเวลาที่เหลืออีก 100 เดือน ตอนนี้ ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว ในอีก 49 เดือนข้างหน้าฉันจะส่งมอบให้แก่คนรุ่นต่อไปอย่างสมบูรณ์ และต้อนรับวันนั้น ด้วยความสบายใจ ส่วนช่วงชีวิตหลังจากนั้น คือ ของแถม
ปู่ของฉันที่อพยพจากประเทศจีนมาเมืองไทยเสียชีวิตเมื่ออายุ 62 ปี และพ่อของฉัน ผู้ก่อตั้งเครือ สหพัฒน์เสียชีวิตเมื่ออายุ 75 ปี ตัวฉันผ่านช่วงวัยเหล่านั้นไปแล้ว เมื่อฉันยังเด็กฉันไม่ได้สนใจว่าจะทํางาน อะไร ฉันหวังเพียงเป็นที่หนึ่งเท่านั้น ฉันเข้าสู่ธุรกิจครอบครัวและทํางานอย่างหนักมาเกือบ 70 ปีแล้ว ความพอใจของฉันด้านการทำงานและการใช้ชีวิต ทำให้คิดว่า ฉันเป็นที่หนึ่งแล้วกระมัง
เหนือสิ่งอื่นใด ฉันมีความรู้สึกพิเศษต่อประเทศญี่ปุ่น ในการเขียนบทความชุดนี้ ฉันได้ติดต่อกับ เพื่อนเก่าเพื่อยืนยันความทรงจําในสมัยก่อนของฉัน ฉันประทับใจมากที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอที่จะอ่าน ประวัติร่วมครึ่งชีวิตของฉันอย่างจริงจัง
เรื่องเล่าของฉันและเครือสหพัฒน์ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกเขาและพวกเธอ เมื่อวิกฤตการณ์ ไวรัสโคโรน่า (Covid-19) จบลง ฉันตั้งใจจะไปเยี่ยมญี่ปุ่นที่ฉันรักอีกครั้ง และจะใช้เรื่องเล่าเหล่านี้รื้อฟื้น มิตรภาพเก่า ๆ ที่มีร่วมกัน
ประธานเครือสหพัฒน์
หมายเหตุ : บทสัมภาษณ์คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา
ในคอลัมน์ Watashi no Rirekisho (My Personal History)
หนังสือพิมพ์ Nihon Keizai Shimbun (Nikkei Newspaper)
July 2021