finbiz by ttb แนะ SME เปิดประตูสู่ยุคอาหารอนาคต ช่วยโลกและธุรกิจเติบโตยั่งยืน

 ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมภูมิอากาศ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องใช้แหล่งวัตถุดิบจากธรรมชาติและการเกษตร ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องตระหนักและถึงเวลาที่จะเปิดประตูสู่ยุคอาหารอนาคต เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน  finbiz by ttb ขอนำเสนอข้อมูลในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ SME ใช้เป็นแนวทางประกอบในการดำเนินธุรกิจ

ประเทศไทย คือ “ครัวโลก ที่มีจุดแข็งสำคัญ

ประเทศไทยมีจุดแข็งคือ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ จึงได้ชื่อว่าเป็น “ครัวของโลก” (Kitchen of the World) ที่มีความโดดเด่น ทำให้ในปี 2022 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอาหารของไทยมีการส่งออกเป็นอันดับที่ 14 ของโลก คิดเป็นสัดส่วน 2.6% และเป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย เป็นรองแค่จีน อินเดีย อินโดนีเซีย และอันดับที่ 2 ของอาเซียน เป็นรองเพียงอินโดนีเซีย แต่เมื่อเทียบสัดส่วนของพื้นที่และประชากรแล้ว ไทยยังจัดว่าสามารถบริหารจัดการได้ดี และไทยยังเป็นผู้ส่งออกสำคัญลำดับต้น ๆ ใน 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1) ข้าว  2) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 3) น้ำตาล  4) ไก่สด แช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป 5) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป

3 โอกาสใหม่ สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

เมื่อโครงสร้างของอุตสาหกรรมอาหารของไทย ขับเคลื่อนด้วยผู้ประกอบการ SME มากถึง 98% ดังนั้นการรู้ทันเทรนด์ก่อน จะสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้

1) การส่งออกที่ต้องจับตา

  • สินค้าอาหารฮาลาล ที่น่าจับตาที่สุดคือกลุ่มมุสลิมชาวจีนที่มีประชากรราว 30 ล้านคน
  • บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในตลาดเกาหลี เนื่องจากไทยมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติหลากหลาย โดยเฉพาะ รสจัดที่แตกต่างออกไป นอกจากรสต้มยำแล้ว ยังมีรสชาติอื่น ๆ ที่เกาหลีสนใจ เช่น รสลาบ รสแกงส้ม
  • ตลาดอินเดีย ที่มีประชากรสูงมากและนิยมดื่มชา ซึ่งขณะนี้กำลังมองหาชาผลไม้จากไทย ที่มีความแปลกใหม่และแตกต่าง

2) กลุ่มสินค้าอาหารดาวรุ่ง เป็นสินค้าที่มีการส่งออกอยู่แล้ว แต่กำลังมาแรงในช่วงปีที่ผ่านมา และจะแรงต่อไปในอนาคต เพราะเป็นที่ต้องการของตลาด

  • ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพราะนอกจากจะให้แป้ง ยังมีไฟเบอร์ที่ดีต่อสุขภาพ สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้
    • ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ใช้ความได้เปรียบจากการเป็นประเทศใกล้เส้นศูนย์สูตร ที่มีความหลากหลายของพืชพันธุ์ ที่เป็นที่สนใจของตลาด
    • ผลิตภัณฑ์ข้าว ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยมาเป็นเวลานาน หากพัฒนาด้วยการใส่นวัตกรรมต่าง ๆ ในผลิตภัณฑ์จะสามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
    • อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นสินค้าที่น่าจับตาสอดคล้องไปกับเทรนด์โลกที่การเลี้ยงสัตว์ได้รับความนิยมมากขึ้น รวมถึงความใส่ใจต่อสัตว์เลี้ยงที่มีมากกว่ายุคก่อน โดยเลี้ยงสัตว์แบบเป็นสมาชิกครอบครัว ดังนั้น อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีข้อได้เปรียบด้านราคาขาย และการเป็นสินค้าที่ไม่ควบคุมราคา
    • เครื่องปรุงรสอาหาร ซึ่งระยะหลังเครื่องปรุงรสอาหารมีการส่งออกไปเวียดนามจำนวนมาก เป็นตลาดที่น่าจับตาและให้ความสนใจเพิ่มขึ้น

3) อาหารอนาคต เป็นความหวังใหม่ของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของไทย และยังเป็นตลาดใหม่ที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นเทรนด์ในอนาคตที่จะต้องก้าวต่อไป

ปัจจุบันมีคำศัพท์ใหม่เกิดขึ้นในธุรกิจอาหารคือ อาหารอนาคต (Future food) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องความยั่งยืน (ESG) ผู้บริโภคมีความตระหนักเรื่องนี้ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อโลกมากขึ้น โดยอาหารอนาคต จะต้องปลอดภัยต่อการบริโภค ดีต่อสุขภาพ ตรวจสอบย้อนกลับได้ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งประเภทของอาหารอนาคต ได้แก่

1) อาหารฟังก์ชัน เป็นอาหารที่มีหน้าที่ชัดเจนเพื่อสุขภาพที่ดี เช่น น้ำผสมวิตามินซี อาหารใส่ไข่โอเมก้า อาหารที่ทำจากพืช (Plant Based)

2) อาหารใหม่ (Novel food) คืออาหารที่มีการนำมาบริโภคเป็นวงกว้าง น้อยกว่า 15 ปี เช่น โปรตีนแมลง

3) อาหารอินทรีย์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการแปรรูปน้อย

สำหรับตลาดที่น่าสนใจ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม จีน เมียนมา กัมพูชา โดยปัจจุบันประเทศไทยส่งออกอาหาร Plant Based ไปยังสหรัฐอเมริกาและเวียดนาม นอกจากนี้ ประเทศไทยมีแผนส่งเสริมอาหารแห่งอนาคต เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้สอดคล้องกับ BCG โมเดล โดยอาหารอนาคตช่วยสร้างความยั่งยืน ตอบโจทย์ความต้องการของโลก และสามารถเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรม โดยในปี 2023 ไทยได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกอาหารอนาคตไว้ที่ 3,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยครึ่งปีแรกสามารถทำมูลค่าไปได้ 1,882.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

อย่างไรก็ดี มีปัจจัยที่ส่งผลต่อโอกาสของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของไทย ซึ่งผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง

  • ความเชื่อมั่นของประเทศคู่ค้าว่า อาหารไทยมีมาตรฐาน จึงต้องทำให้ได้มาตรฐานของตลาดส่งออก
    • การฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะใช้เงินเพื่อการบริโภคอาหารในไทยมากขึ้น
    • การส่งเสริมการตลาดอาหารไทยของภาครัฐ ด้วยการพาผู้ประกอบการไปโปรโมทสินค้า
    • พื้นฐานความเป็นภาคเกษตรกรรม และเป็นเจ้าของวัตถุดิบ ทำให้ไทยได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิต
    • การทำข้อตกลงการค้ากับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ เช่น FTA ช่วยลดภาษีแก่ผู้ประกอบการส่งออกได้
    • การขยายตลาดใหม่ ๆ     
  • การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
  • ต้นทุนการทำธุรกิจที่สูงขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ภัยธรรมชาติ กระทบต่อผลผลิตภาคเกษตรกรรม
  • ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ กระทบต่อการนำเข้าและส่งออก
  • มาตรการกีดกันทางการค้า เช่น จะส่งออกไปอินโดนีเซีย สินค้าต้องมีมาตรฐานฮาลาล
  • ลักษณะตลาดเป็น SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก

พฤติกรรมผู้บริโภคปี 2023-2026 ผู้บริโภคต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพ ความปลอดภัยของอาหาร สินค้าที่มีนวัตกรรม หรืออาหารที่ช่วยจิตใจ ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน ใส่ใจเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ก็ต้องการความสะดวกสบาย อาหาร Ready-Meal, Ready to Eat, Ready to Cook จึงเติบโตดี และสินค้าต้องมีความคุ้มค่าทางราคาด้วย

สำหรับเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มโลกปี 2024 คือ

  • Cultivated Meat เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงหรือเนื้อเทียม
    • Precision Fermentation การหมักเพื่อผลิตโปรตีนนม
    • Mushroom ธุรกิจจากสารพัดเห็ด
    • Algae ธุรกิจอาหารจากสาหร่าย
    • Precision Nutrition อาหารที่พัฒนาตามโภชนาการหรือยีนส์เฉพาะบุคคล
    • Functional Beverage เครื่องดื่มเสริมอาหาร ที่ประเทศไทยเริ่มพัฒนาขึ้นมามาก
    • Next Generation Sweeteners ทางเลือกใหม่ ๆ ที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่ต้องดีต่อสุขภาพ
    • Upcycling การนำส่วนประกอบของวัตถุดิบหรืออาหารต่าง ๆ ที่สูญเปล่าเปลี่ยนกลับมาเป็นอาหารใหม่อีกครั้ง
    • AI for everything บนสินค้าจะต้องแสดงแหล่งที่มา มีข้อมูลให้สามามารถดูประโยชน์ทางโภชนาการหรือการตรวจสอบย้อนกลับได้ อาจให้เป็นข้อมูลบน QR CODE
    • Smart Kitchen Tech สื่อสารกับห้องครัวหรือเครื่องครัวได้ผ่านเทคโนโลยี ช่วยให้การทำอาหารง่ายขึ้น
    • Non-Alcoholic Beverage ตอบโจทย์กลุ่มคนชอบสังสรรค์แต่ยังให้ความสำคัญด้านสุขภาพ
    • Smart Packaging บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะที่ช่วยยืดอายุอาหารในบรรจุภัณฑ์
    • Decentralized Production การกระจายแหล่งผลิตเพื่อลดต้นทุน และรักษาคุณภาพ
    • Agriculture 2.0 เช่น ระบบการเพาะปลูกในแนวตั้ง อิงกับกระแส ESG
    • Tech Powered Supply Chain Transparency การตรวจสอบย้อนกลับได้ของซัพพลายเชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน

จากข้อมูลและเทรนด์ของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดนี้ เชื่อว่า ผู้ประกอบการจะมองเห็นแนวทางและโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโต พร้อมไปกับการรักโลก เพื่อให้ทั้งธุรกิจและโลกอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

ติดตามสาระความรู้ดี ๆ สำหรับธุรกิจ ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/finbiz

Related

Lastest