“พฤกษา” เผยโฉมทีมผู้ชนะโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 เตรียมร่วมเวิร์คชอปอัพสกิลกับผู้เชี่ยวชาญ พร้อมโอกาสร่วมเป็นพันธมิตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างสังคม “อยู่ดี มีสุข”    

 

พฤกษา เปิดตัวผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 ซึ่งผู้เข้ารอบจะได้รับเงินทุนสนับสนุนการขยายธุรกิจจากพฤกษา และยังได้เข้าร่วมกิจกรรม Accelerate Impact เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะต่อยอดธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา พร้อมรับคำปรึกษาจากผู้บริหารและพนักงานพฤกษาอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้ารอบทุกทีม ได้นำเสนอแผนธุรกิจอีกครั้งเพื่อโอกาสรับเงินทุนสนับสนุนเพิ่มเติมจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ เงินลงทุนจากพฤกษาภายใต้ Corporate Venture Capital และโอกาสครั้งสำคัญที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับพฤกษา

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสำเร็จของโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซันแรก ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนทั้งเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ และการมีโซลูชันเชิงรุกเพื่อดูแลผู้สูงวัย ซึ่งผลตอบรับที่ดีจากซีซันแรกเป็นแรงผลักดันให้พฤกษาสานต่อ และต้องการขยายผลไปสู่สังคมวงกว้างมากขึ้น จึงเกิดโครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 ซึ่งมีเป้าหมายเฟ้นหาผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่จะมาร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดีขึ้นภายใต้แนวคิด “อยู่ดี มีสุข” ซึ่งโจทย์การแข่งขันปีนี้ยังคงเน้นเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพกายและใจที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำและเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่อโอกาสทางการงาน และได้เพิ่มความท้าทายใหม่ด้วยโจทย์การแข่งขันที่สร้างผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อม

โครงการ Accelerate Impact with PRUKSA ซีซัน 2 ที่จัดขึ้นในปีนี้ได้การตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้ประกอบการธุรกิจเพื่อสังคมจากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 70 ทีม โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากภาคธุรกิจอื่น ๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือก  ได้แก่ นายกระทิง พูนผล ประธาน กสิกร บิสซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป นางสาวสกุลทิพย์ กีรติพันธวงศ์ เลขาธิการสมาคมส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน และนางสาวอรผกา วุฒิโฆสิต  Industry Manager Google ประเทศไทย และผู้บริหารภายในบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง และบริษัทในเครือ ที่ได้คัดเลือกกันอย่างเข้มข้นจนล่าสุดได้ผู้ผ่านเข้ารอบที่มีคุณสมบัติ และมีเป้าหมายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์โครงการ ได้แก่

  1. ทีมแอ็กนอสเฮลท์ (Agnos Health) จากบริษัท แอ็กนอสเฮลท์ จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ช่วยวิเคราะห์อาการของโรคและประเมินความเสี่ยง พร้อมบอกวิธีการรับมือ เพื่อช่วยลดภาระของแพทย์ในกรณีที่มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยและลดต้นทุนในการรักษาพยาบาล
  2. ทีมฟาร์มแคร์ (PHARMCARE) จากบริษัท ฟาร์มแคร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม “PHARMCARE” ตัวช่วยอัจฉริยะที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดี สามารถค้นหาและเข้าถึงร้านขายยาที่มีคุณภาพ โดยมีเภสัชกรที่มีความรู้ พร้อมให้คำแนะนำ และมีบริการด้านสุขภาพที่สามารถเช็กสุขภาพและวิเคราะห์โรคได้เบื้องต้น โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
  3. ทีมแล็บมูฟ (Labmove) จากบริษัท แล็บมูฟ จำกัด ผู้ให้บริการเจาะเลือดถึงที่พักอาศัยโดยนักเทคนิคการแพทย์ เพื่อช่วยลดความหนาแน่นในโรงพยาบาล ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องรอคิวเป็นเวลานาน  เพิ่มความสะดวกสบายในการเจาะเลือด
  4. ทีมวงศ์ไผ่ (WONGPHAI) จากบริษัท วงศ์ไผ่ จำกัด ธุรกิจที่ช่วยเหลือชุมชนที่ต้องการจัดการกับเศษไผ่เหลือทิ้ง และช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื่องดินเปรี้ยวในแปลงเกษตร โดยการผลิต KN Biochar จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างเศรษฐกิจในชุมชน

นายอุเทน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้ผ่านเข้ารอบทุกทีม ไม่เพียงจะได้รับเงินทุน 600,000 บาท แต่จะได้รับการบ่มเพาะด้วยหลักสูตรเข้มข้นในกิจกรรม Accelerate Impact เพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา รวมถึงได้รับคำปรึกษาจากผู้บริหารและพนักงานพฤกษาที่คอยให้คำแนะนำ สนับสนุนการทำงานของแต่ละทีมอย่างใกล้ชิด และยังสามารถเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นจากพฤกษา สำหรับการพัฒนาธุรกิจตลอดระยะเวลาโครงการ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ทุกทีมได้นำเสนอแผนธุรกิจให้คณะกรรมการพิจารณาอีกครั้ง เพื่อรับเงินสนับสนุนเพิ่มจากทุนวิจิตรพงศ์พันธุ์ และอาจได้การพิจารณาคัดเลือกรับเงินลงทุนจากพฤกษาภายใต้ Corporate Venture Capital ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีในการต่อยอดพัฒนาหรือขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

“Accelerate Impact with PRUKSA ไม่ได้สนับสนุนเพียงแค่เงินทุน แต่เรามีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างองค์กรที่มีเป้าหมายเดียวกัน สิ่งเหล่านี้จะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการเพื่อสังคมเติบโตได้อย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งขึ้น มีความพร้อมที่จะพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการที่ส่งเสริมให้ผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อม มีความ อยู่ดี มีสุข ตามเป้าหมายของพฤกษา” นายอุเทน กล่าว

Related

Lastest