“สถานที่สัมผัสได้ถึงฤดูกาลทั้งสี่และวัฒนธรรมญี่ปุ่น
พัฒนาที่พักอาศัยสําหรับครอบครัวคนญี่ปุ่นที่มาทํางานในไทย”
แผนการที่จะสร้างโรงเรียนนานาชาติที่ศรีราชาถูกพับไป และพื้นที่ที่เตรียมไว้ ได้พัฒนาเป็น สนามกอล์ฟ เครือสหพัฒน์ยังคงถือครองที่ดินเปล่าบริเวณโดยรอบจํานวนมาก ไหนๆ คิดจะทําอะไรสักอย่างแล้ว น่าที่จะทำเกี่ยวกับ “ญี่ปุ่น” ที่ฉันมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น จึงนำไปสู่แนวคิดของโครงการ “J Park”
สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของไอเดียนี้ คือ “เมืองอิตาลี” สถานที่ท่องเที่ยวในเขาใหญ่ ทุกสิ่งตั้งแต่ อาคารไปจนถึงร้านอาหาร ร้านค้าทั่วไป และการปลูกต้นไม้ล้วนเป็นสไตล์ยุโรป ว่ากันว่าจุดขาย คือ ประสบการณ์ที่เหมือนได้ไปเที่ยวอิตาลีทั้ง ๆ ที่อยู่ในประเทศไทย
สมาร์ทโฟนเริ่มแพร่หลายในประเทศไทย และการสร้างจุดถ่ายรูปเพื่อลงรูปภาพลงบนโซเชียล เน็ตเวิร์คกำลังเป็นที่นิยม ทําไมเราไม่ลองสร้างสถานที่ที่คนสามารถเพลิดเพลินราวกับได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นดู บางละ
ด้วยความร่วมมือจาก Wacoal เราจึงส่งทีมสังเกตการณ์ไปที่ “Toei Kyoto Studio Park” ในจังหวัด เกียวโต ที่นั่นเป็นหมู่บ้านถ่ายภาพยนตร์ซึ่งมีฉากจําลองถนนในสมัยเอโดะที่ถูกสร้างเหมือนจริงทุก กระเบียดนิ้ว นอกจากนี้ยังใช้ถ่ายทำละครประวัติศาสตร์จริง ๆ ด้วย เรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกธีมปาร์คแนว ญี่ปุ่นก็ว่าได้
J-Park เปิดในปี พ.ศ. 2556 การออกแบบมีภาพลักษณ์เมืองเกียวโตในสมัยเอโดะด้วย สะพานไม้สีแดงแขวนอยู่เหนือสระน้ำที่มีปลาคาร์ฟแหวกว่าย ทางเดินประดับด้วยตุ๊กตาดารุมะและโคมกระดาษสีแดง ที่สื่อถึงความเป็นญี่ปุ่น
อาคารหลังคาสูงที่ออกแบบโดยอิงจากวัดคินคะคุจิเป็นหนึ่งในไฮไลท์ ของจริงมีนกฟีนิกซ์อยู่ด้านบนสุดของหลังคา แต่ของเราเป็นวัวสีทองซึ่งตรงตามปีเกิดของฉัน ดูเหมือนว่าผู้รับผิดชอบโครงการนี้จะ เป็นคนขี้เล่นน่าดู
ช่วงเข้าฤดูร้อนเราจะประดับธงปลาคาร์พและดอกไฮเดรนเยีย ในฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นใบไม้เปลี่ยนสี และประดับไฟอิลลูมิเนชันในฤดูหนาว ฉันอยากทําให้เป็นสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับการรับประทาน
อาหารและช้อปปิ้ง ในขณะที่สัมผัสถึงฤดูกาลทั้งสี่และวัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้
ในช่วงเวลาที่เราเริ่มพิจารณาโครงการ J-Park ได้มีการพูดคุยถึงการเปิดโรงเรียนสำหรับคนญี่ปุ่น เป็นโรงเรียนสาขาของ “Thai-Japanese Association School” ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าแก่และใหญ่ที่สุด ก่อตั้ง ขึ้นในปีพ.ศ. 2469 ก่อนสงคราม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการลงทุนในประเทศไทยของบริษัทญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว จํานวนนักเรียนมีเพิ่มขึ้นจนกระทั่งมากกว่า 3,000 คน ทำให้ยากต่อการรับนักเรียนใหม่
ชาวญี่ปุ่นจํานวนมากที่มีครอบครัว และทำงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมชายทะเลภาคตะวันออกต้อง อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสำหรับเด็กญี่ปุ่น และต้องใช้เวลาขับรถ 1-2 ชั่วโมง เพื่อมา ทำงาน ดังนั้น การจะสร้างโรงเรียนสาขาที่ใกล้สถานที่ทำงาน และที่พักในเขตภาคตะวันออกนั้นจึงมีความเป็นไปได้ แต่การหาที่ดินก็ยากพอสมควร
หลังจากได้ฟังเรื่องนี้ เราตัดสินใจจัดหาที่ดินเปล่า 32,000 ตร.ม. ใกล้กับ J-Park ให้โดยแทบ ไม่เสียค่าใช้จ่าย คำว่าแทบไม่เสียค่าใช้จ่ายนั้นหมายถึง คิดค่าใช้จ่ายพื้นที่เพียง 8,000 ตร.ม. ในราคาประมาณหนึ่งในสามของราคาปกติ เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาตการให้ที่ดินโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และ ในปี พ.ศ. 2552 โรงเรียนญี่ปุ่นสาขาศรีราชาได้เริ่มเปิดสอนมีนักเรียนจํานวน 91 คน และในปัจจุบันมี นักเรียนกำลังศึกษาอยู่ประมาณ 500 คน
ที่ศรีราชา มีความต้องการที่อยู่อาศัยสําหรับครอบครัวชาวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ด้วยความร่วมมือกับกลุ่มโตคิว เราจึงพัฒนาบ้านทาวน์เฮาส์สําหรับครอบครัวขึ้นตรงข้ามโรงเรียนญี่ปุ่น ภายใน โครงการมีระบบรักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะ สระว่ายน้ำและห้องออก กำลังกาย ชาวญี่ปุ่นประมาณ 180 ครัวเรือน สามารถใช้ชีวิตเทียบเท่าหรือดีกว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นได้
ศรีราชา มีศูนย์การค้า โรงเรียน และบ้านเรือนรวมตัวกันอยู่ในบริเวณรอบ ๆ สวนอุตสาหกรรมซึ่งมีบริษัทญี่ปุ่นอยู่จํานวนมาก อาจเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านคนญี่ปุ่นในเวอร์ชันสมัยใหม่ของหมู่บ้านคนญี่ปุ่น ยุคเอโดะที่นางามาสะ ยามาดะเคยสร้างไว้ในเมืองไทยยุคกรุงศรีอยุธยาก็ว่าได้ นอกจากนี้ศรีราชาจะมี สถานีรถไฟความเร็วสูง ที่กำลังก่อสร้างเพื่อลดระยะเวลาการเดินทางระหว่างเมืองหลวงกับภาคตะวันออก แม้บรรยากาศจะต่างจากกรุงเทพฯ ไปบ้าง แต่ฉันหวังว่าจะได้พัฒนาชุมชนคนญี่ปุ่นต่อ ๆ ไปในอนาคต
ประธานเครือสหพัฒน์
หมายเหตุ : บทสัมภาษณ์คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา
ในคอลัมน์ Watashi no Rirekisho (My Personal History)
หนังสือพิมพ์ Nihon Keizai Shimbun (Nikkei Newspaper)
July 2021
#PRINSIDE
#INSIDEHISTORY
#บทสัมภาษณ์คุณบุณยสิทธิ์โชควัฒนา