INSIDE-INTRENDS
#เทรนด์ที่องค์กรและพนักงานต้องเตรียมตัวพร้อมในปี2024
#การใช้GenerativeAI
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า Generative AI หรือ AI ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์ อาทิ รูปภาพ วีดิโอ เพลง ฯลฯ และกลายเป็นเทรนด์หลักของเทคโนโลยีในยุคนี้ จนหลายคนก็หวั่นว่างานของตัวเองมีความมั่นคงพอหรือเปล่าในอนาคต ทว่ามีมุมมองที่น่าสนใจ คือ “AI จะไม่ได้แย่งงาน แต่คนที่สามารถใช้ AI เป็นจะแทนที่คนที่ใช้ไม่เป็น” เครื่องมือ Generative AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญที่เราทำได้ตั้งแต่วันนี้ คือการศึกษา ลองใช้งาน ทำความเข้าใจข้อจำกัดของมัน
วันนี้ #PRINSIDE ขอเสนอ 5 ตัวอย่างการนำ Generative AI ไปใช้งานกับธุรกิจ
1. การสร้างคอนเทนต์การตลาด
งานการตลาดถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของธุรกิจ เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้าลูกค้าไม่รู้จักเกี่ยวกับสินค้าและบริการของธุรกิจ หรือไม่รู้ว่าธุรกิจเราทำเกี่ยวกับอะไร ก็มีโอกาสน้อยมากที่ลูกค้าจะมาซื้อสินค้า แต่ในขณะเดียวกันการตลาดไม่ใช่แค่เรื่องของการทำโฆษณาเท่านั้น การตลาดเกี่ยวกับข้อความที่สื่อสารออกไปให้ลูกค้าเข้าใจ การกำหนด Positioning เรื่องราวของแบรนด์ และสำคัญที่สุดการตลาดเป็นเรื่องของการเชื่อมต่อกับหัวใจ และความคิดของผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณ
การตลาดถือเป็นส่วนที่สำคัญของธุรกิจ เนื่องจากเป็นวิธีที่ลูกค้าเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์นั้นทางอารมณ์ และความรู้สึก คอนเทนต์จึงเป็นส่วนที่สำคัญสำหรับการทำการตลาด แต่ในขณะที่การสร้างสรรค์คอนเทนต์แบบเดิมนั้นต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก และบางครั้งก็ต้องอาศัยโชคด้วยเช่นกัน
ด้วยเครื่องมือ Generative AI ทำให้นักการตลาดสามารถที่จะสร้างคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็ว และง่ายมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีเวลาที่จะโฟกัสที่ความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Jasper AI และ Writer AI ที่สามารถสร้างข้อความทางการตลาด และรูปภาพได้ หรือ Runway ML เครื่องมือในการทำวิดีโอ และคอนเทนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ Mutiny ที่ใช้ AI ในการสร้าง Conversion ให้กับเว็บไซต์ให้ได้มากที่สุด เป็นต้น
เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้นักการตลาดสร้างแนวคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับแต่งเนื้อหาเพื่อความสมบูรณ์แบบได้สะดวก และง่ายมากยิ่งขึ้น
2. การขาย และการพัฒนาการขาย
ถึงแม้ว่าแนวคิด Product-led growth (PLG) นั้นเติบโตขึ้น แต่การขายก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอยู่ จึงทำให้พนักงานขายจำเป็นต้องเข้าใจลูกค้า และนำเสนอโซลูชันที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายได้ โดยเฉพาะกับการขายสินค้า และบริการที่มีมูลค่าสูง เทมเพลตสำหรับการขยายงานขาย และสคริปต์การโทรสามารถช่วยเร่งกระบวนการในการขายได้ แต่มักจะต้องเป็นการประนีประนอมระหว่างคุณภาพ และปริมาณที่จะได้จากการโทรติดต่อลูกค้า
Generative AI สามารถเปลี่ยนแปลงขั้นตอนเหล่านี้ได้ ด้วยเครื่องมือ Generative AI ทำให้คุณสามารถมีทั้ง 2 อย่างนี้ได้พร้อมๆ กัน ทั้งคุณภาพ และปริมาณ ตัวอย่างเช่น Sellscale ใช้ AI ในการปรับแต่งการขายให้เหมาะกับกลุ่มคนที่ยังไม่เคยใช้สินค้า และบริการได้ในจำนวนมาก และตัวช่วยในการสะกดคำ ตรวจไวยากรณ์ด้วยเทคโนโลยี NLP ของ Gmail ที่จะช่วยทำให้พนักงานขายประหยัดเวลา และมีเวลาไปโฟกัสกับขั้นตอนการขายอื่นๆ ได้มากขึ้น
โดย Generative AI นั้นทำให้ทีมขายสามารถโฟกัสกับคุณภาพงานขาย และปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายโดยยังได้ประสิทธิภาพในการทำงานนั่นเอง
3. การสนับสนุนลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ
Generative AI ถูกสร้างขึ้นเพื่อมาเปลี่ยนวิธีในการสนับสนุน หรือการให้บริการลูกค้า การให้บริการลูกค้าที่ดีถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการสร้างความจงรักภักดีของลูกค้า แต่การจัดหาทรัพยากรและบุคลากรที่เพียงพออาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับธุรกิจ ซึ่งอาจส่งผลทำให้ใช้เวลานานกว่าจะแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ คุณภาพของบริการต่ำ และทำให้ลูกค้าไม่พอใจได้
ในขณะที่เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะให้ถูกต้อง เครื่องมือ Generative AI สำหรับการให้บริการลูกค้านั้นถือเป็นวิธีที่ทรงพลังที่จะนำมาใช้ในการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น Forethought ได้พัฒนา Generative AI สำหรับการให้บริการลูกค้าเป็นเจ้าแรก โดยที่ระบบ AI ของ Forethought ได้ปรับแต่งโมเดลภาษาขนาดใหญ่จากข้อมูลการให้บริการลูกค้าของธุรกิจ และการแก้ปัญหา และข้อสงสัย หรือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับปัญหาที่มีความซับซ้อน หรือ aiKMS ระบบ AI-Powered knowledge management จาก AIGEN ที่รวมความสามารถของเทคโนโลยี NLP และ AI-OCR เข้าด้วยกัน ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างเป็นระบบ Customer self-service เพื่อให้ลูกค้าค้นหาข้อมูลที่ต้องการ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองในเบื้องต้นได้ โดยที่ไม่ต้องติดต่อไปที่ศูนย์บริการลูกค้าของธุรกิจ และการแก้ปัญหา และข้อสงสัย หรือช่วยเหลือเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับปัญหาที่มีความซับซ้อน หรือ aiKMS ระบบ AI-Powered knowledge management จาก AIGEN ที่รวมความสามารถของเทคโนโลยี NLP และ AI-OCR เข้าด้วยกัน ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างเป็นระบบ Customer self-service เพื่อให้ลูกค้าค้นหาข้อมูลที่ต้องการ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองในเบื้องต้นได้ โดยที่ไม่ต้องติดต่อไปที่ศูนย์บริการลูกค้าของธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ายุคใหม่ที่ต้องการแก้ไขปัญหา หรือหาข้อมูลที่ต้องการเกี่ยวกับสินค้า และบริการได้ด้วยตนเอง
4. โค้ดเกี่ยวกับภาษาธรรมชาติ และการพัฒนาแอปพลิเคชัน
ถ้าคุณเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Minority Report คุณอาจเข้าใจ และเห็นภาพเกี่ยวกับ User interface แห่งอนาคตที่ภาพยนตร์ได้สื่อเอาไว้
ในอดีตการสร้างแอปพลิเคชันนั้นเกี่ยวข้องกับการเขียนโค้ดในภาษาของโปรแกรมมิ่งที่คอมพิวเตอร์สามารถอ่านได้ และเตรียมโครงสร้างสำหรับตรรกะ และฟังก์ชันการทำงานของแอปพลิเคชัน
แต่ Generative AI ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบ หรือวิธีในการพัฒนาแอปพลิเคชัน โดยแทนที่จะเขียนโค้ดในภาษาของคอมพิวเตอร์ แต่นักพัฒนาแอปพลิเคชันสามารถใช้ภาษาธรรมชาติ หรือ natural language ในการสื่อสาร และ AI จะสร้างโค้ดออกมาได้อย่างง่ายดายเหมือนกับที่ AI ได้สร้างคอนเทนต์บทความ หรือคอนเทนต์ของ Shakespeare
Github Copilot และ Arcwise เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถเขียนโค้ดโดยใช้ภาษาธรรมชาติได้ และ Copilot จะเปลี่ยนจากภาษาธรรมชาติเป็นโค้ดให้ ไม่ว่าจะเป็น Javascript หรือ Python และ Arcwise จะเปลี่ยนจากภาษาธรรมชาติเป็นสูตร และ macros สำหรับ spreadsheet ทำให้ธุรกิจสามารถสร้างแอป spreadsheet ที่ทรงพลังได้ โดยที่ Generative AI จะช่วยทำให้ขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชันทำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และทำให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์มือใหม่ที่ต้องการเริ่มสร้างแอปพลิเคชัน
5. ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และข้อมูลสังเคราะห์
Data privacy หรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่สามารถระบุตัวตนได้ (PII) ให้ปลอดภัยจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการใช้งานในทางที่ผิด จากการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้นจากธุรกิจต่างๆ ทำให้เรื่อง Data privacy ยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมาย และความเสียหายต่อชื่อเสียง บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เช่น GDPR และ CCPA
ธุรกิจต่างๆ ใช้ข้อมูลตัวแทนเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และให้บริการ แต่การเข้าถึงนี้อาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า อย่างไรก็ตามเครื่องมือ Generative AI อันชาญฉลาดสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ Mostly.ai และ Tonic.ai ใช้ Generative AI ในการสร้างข้อมูลสังเคราะห์ (synthetic data) จากข้อมูลจริง เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวในขณะที่สามารถรักษาให้ข้อมูลตรงกับความเป็นจริงให้ได้มากที่สุดเพื่อใช้ในการทดสอบ และเทรนโมเดล AI และ Private AI ทำได้ยิ่งกว่านั้นคือโดยการปกปิดและไม่ระบุ PII ภายในชุดข้อมูล นั่นหมายความว่าสามารถแก้ไขข้อมูลลูกค้าได้อย่างเหมาะสมแม้ในขณะที่ใช้งานจริง
ขอบคุณข้อมูลจาก
truedigitalacademy
aigencorp.com