ส.ไทยรับสร้างบ้าน เผยความต้องการสร้างบ้านผู้บริโภค 2 เดือนแรกไตรมาส 3 พื้นที่ภาคเหนือ อีสาน กรุงเทพฯ และปริมณฑลลดลงสูงสุด 30% ชี้ผู้ผลิตวัสดุรายใหญ่ทำป่วน อิฐมวลเบา กระเบื้องหลังคาขาดตลาด กระทบผู้ประกอบการสร้างบ้านแบกต้นทุนอ่วม คาดก่อนปิดฉากไตรมาส 3 การแข่งขันกลับมาคึกคัก แม้ผู้บริโภคไม่วางใจเศรษฐกิจ การเมือง เชื่อตลาดรับสร้างบ้านมีความต้องการที่แท้จริง แนะผู้บริโภคอย่าเชื่อแค่คำโฆษณา
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association:THBA) โดย นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคม เปิดเผยว่า ปริมาณและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคทั่วประเทศในช่วง 2 เดือนแรกไตรมาส 3 (ก.ค.-ส.ค.) ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดรับสร้างบ้าน ทั้งในแง่ของจำนวนและมูลค่าต่อหน่วยที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคอีสาน สำรวจพบว่าปริมาณและความต้องการผู้บริโภคลดลงเฉลี่ย 20-30% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว
“แม้ว่าความต้องการและกำลังซื้อผู้บริโภคจะชะลอตัว แต่กลุ่มผู้ประกอบการชั้นนำที่แข่งขันอยู่ในตลาดรับสร้างบ้าน ต่างหลีกเลี่ยงที่จะแข่งขันราคากัน สาเหตุเป็นเพราะมีความกังวลต่อสถานการณ์วัสดุก่อสร้างที่ขาดตลาดและราคาปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อิฐมวลเบา กระเบื้องหลังคาคอนกรีต ซึ่งปัจจุบันผลิตโดยผู้ผลิตและจำหน่ายรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ทั้งนี้ได้อ้างเหตุของการปรับราคาว่าเกิดจากต้นทุนวัตถุดิบและเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้น รวมทั้งอ้างเหตุเครื่องจักรเสียต้องปิดซ่อมบำรุง จึงไม่สามารถผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ฯลฯ เป็นต้น จนกลายเป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการสร้างบ้านทั้งรายใหญ่ รายย่อย ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น และประสบปัญหาระยะเวลาก่อสร้างที่ต้องล่าช้าออกไป ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วเป็นต้นมา”
สำหรับ ตลาดรับสร้างบ้านในช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 3 นี้ สมาคมฯ คาดว่าบรรดาผู้ประกอบการจะเริ่มกลับมาแข่งขันกันมากขึ้น ผ่านกิจกรรมการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อหวังจะกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคให้กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนสูงขึ้นและกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ดีตลาดรับสร้างบ้านจัดว่าเป็นเรียลดีมานด์หรือมีความต้องการที่แท้จริง เพราะผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านเอง (ไม่ซื้อบ้านจัดสรร) กลุ่มนี้จะใช้เงินออมหรือเงินสดลงทุนสร้างบ้านเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นแม้ภาวะเศรษฐกิจประเทศจะยังไม่ฟื้นตัว และประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพรัฐบาลชุดใหม่ แต่สมาคมฯ คาดว่าผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อมากพอระดับหนึ่งและพร้อมจะตัดสินใจสร้างบ้านหลังใหม่ในช่วงท้ายไตรมาส 3 และช่วงระยะเวลาที่เหลือปีนี้
ด้าน นายสิทธิพร สุวรรณสุต กรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวเสริมว่า ความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวในปีนี้ ตลอดจนปัจจัยที่มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ อาทิเช่น ปัญหาวัสดุขาดตลาดและปรับขึ้นราคา ปัญหาแรงงานขาดแคลน ฯลฯ ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านมีความยากลำบากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก รายย่อย ที่ไม่มีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิตและจำหน่าย อาจประสบปัญหาและมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นจึงควรดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมากขึ้น สำหรับผู้บริโภคเองก่อนจะตัดสินใจเลือกสร้างบ้านกับผู้ประกอบการรายใด สิ่งที่ควรคำนึงถึงมาก ๆ คือ บ้านที่ลงทุนสร้างต้องมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน บ้านที่ใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพอยู่อาศัยแล้วสบาย และสร้างบ้านต้องได้บ้าน (ไม่ใช่ บ้า หรือ บาน) จึงควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดอย่างรอบด้าน ไม่ควรเชื่อแค่คำโฆษณา เพราะบ้านอาจสร้างได้แค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น